Covering Disruptive Technology Powering Business in The Digital Age

Nanoracks ร่วมกับ Voyager Space และ Lockheed Martin [NYSE: LMT] จัดตั้งทีมงานขึ้นเพื่อพัฒนาสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์ที่บินอย่างอิสระแห่งแรกในชื่อ Starlab สถานีอวกาศแห่งนี้จะเป็นสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์ที่มีลูกเรือประจำการต่อเนื่อง เพื่อรองรับการดำเนินการวิจัยที่สำคัญ ส่งเสริมกิจกรรมทางอุตสาหกรรม ตลอดจนสนับสนุนความเป็นผู้นำของสหรัฐอเมริกาในอุตสาหกรรมอวกาศวงโคจรต่ำ (low-Earth orbit หรือ LEO) โดยคาดว่า Starlab จะบรรลุขีดความสามารถในการปฏิบัติการเบื้องต้น (Initial Operational Capability) ภายในปีพ.ศ. 2570

เพื่อตอบสนองรัฐบาลสหรัฐ หน่วยงานด้านอวกาศนานาชาติ และความต้องการเชิงพาณิชย์ ผู้นำอุตสาหกรรมทั้งสามรายจะร่วมกันพัฒนา Starlab ให้มารองรับเศรษฐกิจอวกาศ (space economy) ที่กำลังเติบโต รวมทั้งตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของลูกค้าสำหรับบริการด้านอวกาศ เช่น การวิจัยวัสดุ การปลูกพืชในอวกาศ และกิจกรรมของนักบินอวกาศ ทั้งสามบริษัทจะร่วมกันสร้างประสบการณ์ที่เหนือชั้นในด้านบริการอวกาศเชิงพาณิชย์ การออกแบบและประสิทธิภาพทางวิศวกรรม นวัตกรรมเทคโนโลยี และกลยุทธ์การลงทุน

“Nanoracks มีความมุ่งมั่นมาตั้งแต่แรกที่จะเป็นเจ้าของและดำเนินการสถานีอวกาศเอกชน เพื่อปลดล็อกความต้องการของตลาดได้อย่างเต็มที่” Jeffrey Manber ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Nanoracks กล่าว “ทีมของเราใช้เวลาตลอดสิบปีที่ผ่านมาในการศึกษาธุรกิจสถานีอวกาศ ทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า วางแผนการเติบโตของตลาด และลงทุนเองในการสร้างเครื่องมือและอุปกรณ์บน ISS เช่น Bishop Airlock โดย Nanoracks และทีมงานรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ NASA และมิตรสหายจากทั่วโลก ในขณะที่เราก้าวไปข้างหน้ากับ Starlab”

เมื่อไม่นานมานี้ NASA เพิ่งประกาศโครงการ Commercial Low-Earth Orbit (LEO) Destination (CLD) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสถานีอวกาศเอกชน โดย CLD จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ LEO ในหลายแง่มุม ตลอดจนให้การสนับสนุนทางด้านวิทยาศาสตร์และลูกเรือ ก่อนที่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) จะปลดประจำการ

Nanoracks จะเป็นหัวเรือในการพัฒนา Starlab โดยอาศัยประสบการณ์กว่าทศวรรษในฐานะผู้บุกเบิกและผู้นำระดับโลกด้านการใช้ ISS เชิงพาณิชย์ ขณะที่ Voyager Space ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน Nanoracks จะเป็นผู้นำด้านกลยุทธ์และการลงทุน ส่วน Lockheed Martin ซึ่งเป็นผู้นำด้านการพัฒนาและปฏิบัติการยานอวกาศที่ซับซ้อน จะรับหน้าที่เป็นผู้ผลิตและผู้รวมระบบทางเทคนิค

สำหรับองค์ประกอบพื้นฐานของสถานีอวกาศ Starlab ได้แก่ ที่พักแบบเป่าลมขนาดใหญ่ ซึ่งออกแบบและสร้างโดย Lockheed Martin ฐานเชื่อมต่อโลหะที่เชื่อมยานอวกาศเข้ากับสถานีอวกาศ ระบบส่งกำลังและขับเคลื่อน แขนหุ่นยนต์ขนาดใหญ่สำหรับบริการขนส่งสินค้าและน้ำหนักบรรทุก และระบบห้องปฏิบัติการที่ทันสมัย เพื่อรองรับการวิจัย การทดลองทางวิทยาศาสตร์ และการผลิตอย่างครอบคลุม Starlab จะสามารถรองรับนักบินอวกาศได้สูงสุดถึง 4 คน เพื่อดำเนินการด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยที่สำคัญ

Lisa Callahan รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ Commercial Civil Space ของ Lockheed Martin กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานผู้คิดค้น สร้างสรรค์ และเปี่ยมความสามารถ ซึ่งช่วยดึงจุดแข็งหลักของแต่ละบริษัทออกมาได้” พร้อมกล่าวว่า “ประสบการณ์ที่กว้างขวางของ Lockheed Martin ในการสร้างยานอวกาศและระบบที่ซับซ้อน ประกอบกับนวัตกรรมธุรกิจเชิงพาณิชย์ของ Nanoracks และความเชี่ยวชาญด้านการเงินของ Voyager จะช่วยให้ทีมงานสร้างสถานีอวกาศที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นหลัก พร้อมทั้งขับเคลื่อนวิสัยทัศน์สำหรับอนาคต โดยเราได้ลงทุนอย่างมากในเทคโนโลยีที่อยู่อาศัย เพื่อการออกแบบยานอวกาศตามวัตถุประสงค์และคุ้มทุนสำหรับ Starlab”

โมเดลธุรกิจ Starlab ของ Nanoracks ได้รับการออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการดำเนินการทางด้านวิทยาศาสตร์ การวิจัย และการผลิตสำหรับลูกค้าทั่วโลก และเพิ่มมูลค่าให้กับการปฏิบัติภารกิจของนักบินอวกาศที่กินระยะเวลายาวนาน นอกจากนี้ Starlab ยังจะให้บริการด้านการท่องเที่ยว ตลอดจนกิจกรรมด้านการพาณิชย์และกิจกรรมทางธุรกิจอื่น ๆ อีกด้วย

Dylan Taylor ประธานและซีอีโอของ Voyager Space กล่าวว่า “Voyager Space เชื่อมั่นในโมเดลธุรกิจของ Starlab และเชื่อว่าธุรกิจนี้จะมีความยั่งยืนในเชิงพาณิชย์และใช้เงินทุนให้เกิดประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า” พร้อมทั้งเสริมว่า “Voyager Space เล็งเห็นถึงการทำงานร่วมกันของหลายฝ่ายโดยใช้ความสามารถของธุรกิจต่าง ๆ ภายในองค์กรของเรา รวมไปถึงระบบนิเวศของ Lockheed Martin เรามองว่าความร่วมมือครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”

(0)(0)