Covering Disruptive Technology Powering Business in The Digital Age

เขียนโดย: Muhammad Zulhusni ,นักข่าว AOPG

เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีบล็อคเชน ผู้คนมักจะนึกถึงบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้บล็อคเชนถือเป็นหนึ่งในเทรนของเทคโนโลยีที่มีศักยภาพที่น่าสนใจในทุกๆการใช้งาน ซึ่งรวมถึง smart contracts ทางดิจิทัล, โลจิสติกส์และแหล่งที่มาและความปลอดภัยของห่วงโซ่อุปทาน, การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว และอื่นๆ

บล๊อคเชนกำลังมาแรงในขณะนี้ เนื่องจากในระหว่างปี 2019 ถึง 2025, ตลาดบล็อคเชนทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 69% CAGR

Alphabet เป็นบริษัทแม่ของ Google และ YouTube โดยอาจกล่าวได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายล่าสุดที่มองหาบล็อคเชนและประโยชน์ของเทคโนโลยี Web 3.0

คุณ Sundar Pichai ซีอีโอของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google ได้กล่าวถึงรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2021 ของ Alphabet ว่า บริษัทได้มองหาการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาผสมผสานเข้ากับผลิตภัณฑ์และการบริการหลักของบริษัท

เมื่อถูกถามว่า Alphabet ได้พิจารณา Web3 อย่างไรบ้าง คุณ Pichai กล่าวว่า บริษัทมีการค้นคว้า “ประเด็นที่มีความน่าสนใจ” จำนวนมาก รวมถึงเทคโนโลยีความจริงเสมือนและเทคโนโลยีบล็อกเชนที่อาจนำไปใช้เพื่อขับเคลื่อนคอมพิวเตอร์และเลเยอร์ในการบริการ เช่น YouTube และ Google Maps

คุณ Pichai กล่าวว่า นวัตกรรมเป็นสิ่งที่น่าสนใจและเป็นสิ่งที่องค์กรต้องการส่งเสริมมากที่สุด “Web มีการพัฒนาอยู่เสมอ และต้องมีการพัฒนาต่อไป ในนามของ Google เราได้รับประโยชน์อย่างมากจากเทคโนโลยีโอเพนซอร์ส ดังนั้นเราจึงได้วางแผนที่จะมีส่วนร่วมต่อไป”

คุณ Pichai ยังได้กล่าวอีกว่า ทีมคลาวด์ของ Google ซึ่งเป็นแผนกใหม่ที่มีการแข่งขันกับ Amazon Web Services และ Microsoft ได้มองหาการใช้ระบบที่ใช้บล็อคเชนเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า

Google ได้ตระหนักดีว่าเมื่อเทคโนโลยีได้กลายเป็นกระแสหลักมากขึ้น, ธุรกิจต่างๆ จะต้องมีโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยและสามารถปรับขนาดได้เพื่อรองรับการทำงานและเครือข่ายของตน ดังนั้นพวกเขาจึงนำเทคโนโลยี Google Cloud ไปใช้งานในตลาดบล็อคเชนตามหลักการดังต่อไปนี้:

• มีความสอดคล้องกับธุรกิจหลักของ Google Cloud: มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล, โครงสร้างพื้นฐานที่ล้ำสมัย, โซลูชันอุตสาหกรรมต่างๆ และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอื่นๆ พวกเขาได้มองหาโครงการบล็อคเชนต่างๆและความร่วมมือที่มีความเหมาะสมกับภารกิจและความเชี่ยวชาญของพวกเขา
• ความไว้วางใจและการกำกับดูแลของผู้ใช้งาน: พวกเขาจะรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้กับผู้ใช้งานโดยมุ่งเน้นที่ความเป็นส่วนตัวและความไว้วางใจของผู้ใช้ ตลอดจนการปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้อย่างเคร่งครัด
• Network-agnostic: โครงสร้างพื้นฐานของ Google จะพยายามรักษาความยืดหยุ่นของเครือข่ายเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค

เป็นที่น่าสังเกตว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นความคิดริเริ่มของ Alphabet เกี่ยวกับเว็บแบบไม่มีศูนย์กลางที่กำลังจะมีขึ้น  ซึ่งบริษัทอื่นๆ รวมถึงบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ในซิลิคอนแวลลีย์ ต่างก็มีความกระตือรือร้นในการปรับใช้ Web3 มากกว่า Google อย่างเห็นได้ชัด

Block, Twitter, Microsoft และ Meta ได้ประกาศเจตนารมณ์สำหรับการบริการ Web3 และสกุลเงินดิจิทัล Polygon (MATIC) ได้ร่วมมือกับผู้ร่วมก่อตั้ง Reddit เพื่อสร้าง Web3 มูลค่า 200 ล้านเหรียญ  ในทางกลับกัน Google ยังคงเป็นผู้ชมอยู่จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้

คุณ Pichai ได้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความพยายามใน cryptocurrency ของ Google แต่สิ่งที่มีการกล่าวถึงคือ Google ได้จ้างอดีตผู้บริหารของ PayPal เพื่อมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Google Pay ซึ่งมีแผนการที่จะขยายไปสู่ตลาดสกุลเงินดิจิทัล

จากการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการบริการทางการเงินทั่วทั้งบริษัท รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล, คุณ Arnold Goldberg ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำในส่วนการชำระเงินของ Google

เป็นที่ยอมรับกันว่า Blockchain เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับเครือข่ายแบบเดิม, ให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัย, ความโปร่งใส, immutable data และการเข้าถึงที่มากขึ้น  ในขณะที่บล็อคเชนได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความสำคัญในการพัฒนาหลายๆด้านในหลายอุตสาหกรรม แต่ก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

เมื่อพิจารณาถึงยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายอื่นใช้บล็อคเชนอย่างไรและนวัตกรรมของพวกเขาเป็นอย่างไร มันจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจในการติดตามนวัตกรรมใหม่ๆ ของ Google ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร

(0)(0)