Covering Disruptive Technology Powering Business in The Digital Age

เขียนโดย: Kim Custeau รองประธาน APM Business บริษัท AVEVA

การขับเคลื่อนธุรกิจมีการพัฒนาอย่างมากในช่วงปีแรกของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ด้วยความผันผวนที่เพิ่มขึ้นทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน บริษัทพลังงานจึงให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์เพื่อขับเคลื่อนความยืดหยุ่น, ประสิทธิภาพ, ความพร้อมใช้งานและความยั่งยืนแบบเรียลไทม์

แต่ไม่ใช่เพียงเทคโนโลยีเท่านั้นที่จะประกาศพรมแดนใหม่ในการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกับระดับปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นด้วย AI ที่เชื่อมต่อและซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

ความสำคัญสี่อย่างในการขับเคลื่อนธุรกิจ

หลังการแพร่ระบาด ได้มีความสำคัญ 4 ประการที่มีความจำเป็นทางธุรกิจสำหรับภาวะปกติใหม่ดังกล่าวข้างต้นนี้เอง

เมื่อการลงทุนลดลง บริษัทต่าง  ๆ จึงจำเป็นต้องประเมินโครงการใหม่เพื่อที่จะอยู่ได้, ROI และเพื่อลดต้นทุนการติดตั้งทั้งหมด ดังนั้นผู้ปฏิบัติงานต้องทบทวนกระบวนการทำงานแบบเดิมและการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อเปิดใช้งานวิธีการใหม่ทั้งหมดของวิศวกรรม

ด้วยทีมงานระยะไกลที่ต้องการบริบทที่ดีขึ้นและการเข้าถึงข้อมูลที่ลึกขึ้นเพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติงานทำงานร่วมกันและการตัดสินใจ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการแสดงภาพที่ดีขึ้นและการวิเคราะห์ตามบริบทของข้อมูลปฏิบัติการทั่วทั้งองค์กร

ในขณะที่การดำเนินงานเริ่มมีความเป็นอิสระมากขึ้นการสร้างความมั่นใจในความน่าเชื่อถือและการทำงานที่ปลอดภัยของสินทรัพย์ที่สำคัญโดยมีการดูแลเพียงเล็กน้อยจึงมีความสำคัญ บุคลากรในร้านค้าและในภาคสนามจะต้องการผู้ช่วยและผู้ช่วยในการทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานอย่างลึกซึ้งและหายาก

และในที่สุดในสภาพแวดล้อมของความไม่สามารถคาดเดาได้สูงขึ้น บริษัทต่าง ๆ  จะต้องผลักดันความคล่องตัวและการตอบสนองในระดับสูงในห่วงโซ่คุณค่าเพื่อลดการรั่วไหลของมูลค่าเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

การเพิ่มขึ้นของ connected worker

” connected worker” แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลผ่านมุมมองของพนักงาน เพื่อให้บรรลุศักยภาพมูลค่าที่แท้จริงของโปรแกรมการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล บริษัทต่าง ๆ ต้องให้ความสำคัญอย่างแท้จริงกับความต้องการของพนักงานที่เป็นมนุษย์ที่อยู่เบื้องหลัง ” working asset”

ในทศวรรษหน้า AI สามารถสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจโลกได้มากถึง 15.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่เป็น connected workers ซึ่งจะเป็นตัวแทนที่แท้จริงของการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์นี้ จากรายงานของ Harvard Business Review พบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของคนงานทั่วโลกไม่มีโต๊ะทำงานและส่วนใหญ่ทำงานแบบเคลื่อนที่ บุคลากรสายงานแรกเหล่านี้เป็นจุดสำคัญใหม่ของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

การเพิ่มขีดความสามารถให้กับ connected workers เหล่านี้มีความจำเป็น หากว่าบริษัทต่าง ๆ ต้องช่วยผลักดันการปรับปรุงการดำเนินงานในด้านการผลิต, ความปลอดภัยและการทำงานร่วมกันเนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ เป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น โดย AI จะมีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบและปรับปรุงการทำงานระยะไกล, การทำงานเป็นทีม, การตัดสินใจ, ความเป็นอยู่และความพึงพอใจในการทำงานของพนักงาน

ด้วยการทำแผนที่ความต้องการบุคลากรอย่างรอบคอบ บริษัทต่าง ๆ สามารถปลูกฝังพนักงานที่มีส่วนร่วมซึ่งทำงานสอดคล้องกับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและเป้าหมายของบริษัท

Digital Twins สำหรับสถาวะไดนามิก

ในขณะที่บริษัทต่าง ๆ เริ่มหันมาใช้ AI ในทุกภารกิจและกระบวนการปฏิบัติงานขององค์กรต่าง ๆ จะต้องใช้ความสามารถเพิ่มเติมสำหรับการอนุมาน, การคาดการณ์, คำแนะนำและการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะไดนามิก

ปัจจุบันความสามารถเหล่านี้กำลังรวมกันเพื่อสร้าง ‘Digital Twin’ ให้กับบริษัท โดยเทคโนโลยีจะจับคู่คุณลักษณะทางกายภาพและพฤติกรรมที่ครอบคลุมของสินทรัพย์ทั้งหมดเพื่อจำลอง, ประเมิน, คาดการณ์และกำหนด

ท่ามกลางภูมิทัศน์ของการดำเนินงานที่เป็นอิสระมากขึ้น ซึ่ง connected worker จะโต้ตอบกับ Digital Twin ของสินทรัพย์โดยใช้เครื่องมือการแสดงภาพขั้นสูงและตัวช่วยในการทำงานเพื่อเป็นแนวทางในกิจกรรมต่างๆเพื่อให้มั่นใจว่ามีประสิทธิภาพและความสม่ำเสมอ ช่วยให้ทุกคนทั่วทั้งธุรกิจสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ในบริบทของสินทรัพย์ทางกายภาพและการเชื่อมต่อในโรงงาน เราได้ร่วมกันสร้างชุดความสามารถในการแปลงดิจิทัลหลายมิติที่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับทั้งภาคส่วน

ข้อมูลที่ไม่เคยมีมาก่อนที่จะมี connected assets

อุตสาหกรรม IOT ได้สร้างโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนจาก connected assets ด้วยการปรับปรุงการเชื่อมต่อและความปลอดภัยของข้อมูล, อุปสรรคในอดีตจึงถูกลดลงและข้อดีของการปรับใช้ระบบคลาวด์ก็เริ่มขึ้น

ในโลกยุคดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทต่าง ๆ จะต้องขับเคลื่อนความคล่องตัวและการตอบสนองในระดับสูงในห่วงโซ่คุณค่าเพื่อลดการรั่วไหลของมูลค่า,เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่เป็นด้านภาพและ AI ที่จะขับเคลื่อนการปฏิวัติซอฟต์แวร์อุตสาหกรรมที่แท้จริง โดย Digital Twin และ connected workers จะเร่ง time-to-value และช่วยให้ประโยชน์ที่สำคัญของ Cloud และ AI กลายเป็นความจริง

(0)(0)