Covering Disruptive Technology Powering Business in The Digital Age

แม้ว่าจะไม่มีใครสามารถคาดการณ์เกี่ยวกับการ disruption ที่เกิดจาก COVID-19 ในปี 2020 ได้ แต่เราก็คาดการณ์ล่วงหน้าว่ามันจะส่งผลกระทบต่อโลกของเทคโนโลยีได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น Antonio Neri ซีอีโอของ HPE ได้เล็งเห็นว่าการระบาดใหญ่จะมีผลในการเร่งวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่แชร์โดยผู้นำของบริษัทด้านเทคโนโลยีอื่น ๆ โดยการคาดการณ์ล่วงหน้าในสถานการณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ในบริบทที่ยากและซับซ้อน อย่างไรก็ตามต่อไปนี้เป็นข้อมูลบางส่วนที่จะให้ทำให้เห็นภาพรวมว่าปี 2021 จะเป็นอย่างไร

5G จะถูกนำมาใช้ในงานเชิงพาณิชย์

ด้วยเงินลงทุนที่ไม่ใช่แค่หลักพันล้านดอลลาร์ในการติดตั้งเครือข่าย 5G และด้วยความสามารถในการดาวน์โหลดที่เร็วกว่า ดังนั้นผู้ให้บริการจะมีปรับใช้บริการ 5G อย่างรวดเร็วสำหรับธุรกิจในปี 2021 ซึ่งจะทำให้มีรายได้ที่มากขึ้นและจะสามารถพัฒนาการบริการระดับมืออาชีพที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้

5G เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ให้บริการในการให้บริการคลาวด์ใหม่ ๆ ที่ขอบของเครือข่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากแอพพลิเคชันบางอย่างที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง เช่น การวิเคราะห์, วิดีโอเสมือนจริงหรือแม้แต่เกม ซึ่งแอพพลิเคชันเหล่านั้นต้องการความหน่วงต่ำ,แบนด์วิดท์ประสิทธิภาพสูงสุดหรือข้อกำหนดด้านความปลอดภัยพิเศษ ซึ่งสามารถโฮสต์บนโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ที่อยู่ใกล้กับผู้ใช้ ซึ่งยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ที่เชื่อมต่อกับสัญญาณไฟจราจรที่มีความหน่วงต่ำ ดังนั้นข้อมูลนี้จึงไม่จำเป็นต้องถ่ายโอนข้อมูลจากหลายร้อยไมล์ไปยังศูนย์ข้อมูลหรือถูกจัดเก็บไว้ที่นั่นเพราะข้อมูลจะใช้เวลาถ่ายโอนเพียงแค่ 30 วินาทีเท่านั้น

นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นเครือข่ายหลัก 5G ในปี 2021 ซึ่งจะมีผลในการใช้ประโยชน์จากพลัง 5G เต็มรูปแบบในขณะที่รับประกันความหน่วงต่ำมากและความเร็วในการแจ้งใบแจ้งหนี้ที่ดีกว่า (หรือมากกว่านั้น) สำหรับบริษัทที่จะใช้เทคโนโลยีนี้

การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี Exascale ในศูนย์ข้อมูล

ระบบ Exascale ระบบแรกจะพร้อมใช้งานในปี 2021 ซึ่งนับเป็นการก้าวกระโดดในด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์และจะให้ประสิทธิภาพห้าถึงสิบเท่าของวันนี้ โดยการจำลองและการสร้างแบบจำลองในระดับ Exascale จะทำให้สามารถพิจารณาข้อมูลที่ซับซ้อนในปริมาณที่มากขึ้น, เปลี่ยนเป็นแบบจำลองดิจิทัลที่น่าเชื่อถือและมีความเกี่ยวข้องมากขึ้น อย่างไรก็ตาม 99% ของ บริษัทไม่จำเป็นต้องมีระบบ Exascale สำหรับงานวิเคราะห์,  AI , วิศวกรรมวิทยาศาสตร์ข้อมูลหรือการสร้างแบบจำลอง

ในทางตรงกันข้าม เราเชื่อว่าธุรกิจทั้งหมดในอนาคตจะมีระบบที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกันที่ออกแบบมาสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์เพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องใช้ข้อมูลเป็นจำนวนมาก  ด้วยเซิร์ฟเวอร์เครื่องเดียว บริษัทต่าง ๆ จะสามารถทำงานร่วมกับอัลกอริทึมขั้นสูงที่ซับซ้อนมากขึ้นเพื่อเปิดใช้งานการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเร่งการสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยเทคโนโลยีใน “ยุค exascale” นี้จะผลักดันขอบเขตของวิทยาศาสตร์ด้วยการเร่งการค้นพบยาหรือปรับแต่งการคาดการณ์สภาพอากาศที่รุนแรง แต่ยังช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจทำได้ดีขึ้น

ระบบคลาวด์แบบไฮบริดจะทำให้แนวคิดของ “คลาวด์ที่มีอยู่ทุกที่” เป็นจริง

แนวคิดของ “คลาวด์มีอยู่ทุกที่” เป็นวิวัฒนาการตามธรรมชาติที่เกิดจากการติดตั้งศูนย์ข้อมูลครั้งแรกที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ โดยวิวัฒนาการของ IaaS ตามชุมชน open-source และการเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มโดยระบบคลาวด์สาธารณะและแพลตฟอร์ม container ในปัจจุบัน ซึ่งระบบคลาวด์ที่มีอยู่ทุกที่จะแสดงให้เห็นว่าคุณค่าทางธุรกิจและประโยชน์ของรูปแบบบริการคลาวด์สาธารณะสามารถใช้ได้ในสภาพแวดล้อมภายในองค์กรโดยใช้ประโยชน์ทั้งหมดของไอทีในองค์กรเพื่อความปลอดภัย, การปฏิบัติตามข้อกำหนดและเวลาในการตอบสนองที่ดีขึ้น โดยบริการคลาวด์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันภายในองค์กรซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบความสามารถใหม่ ๆ ที่มีอยู่ในรูปแบบการใช้งานและนำไปใช้งานได้ทุกที่ตั้งแต่ Edge จนถึงศูนย์ข้อมูล ซึ่งนี่คือแก่นแท้ของ “คลาวด์ที่มีอยู่ทุกที่” เกิดขึ้นได้จากการพัฒนาคลาวด์แบบไฮบริด

ก่อนหน้านี้แนวทางไฮบริดคลาวด์ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญของการนำระบบคลาวด์มาใช้ โดยปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ พบว่า แนวทางแบบผสมผสานนั้นมีเหตุผลมากกว่าทั้งในเชิงกลยุทธ์และเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งจากข้อมูลของ IDC พบว่า 70% ของแอพลิเคชันและข้อมูลทางธุรกิจยังคงอยู่นอกคลาวด์สาธารณะ เนื่องจากความล่าช้าของข้อมูล, ความยุ่งเหยิงของแอพพลิเคชันหรือเหตุผลด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนด ทำให้องค์กรจำนวนมากในทุกอุตสาหกรรมต้องการที่จะมีสถานที่ไว้เก็บข้อมูล ในขณะเดียวกันผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะในบางครั้งก็กำหนดค่าธรรมเนียมการส่งออกข้อมูลหรือการปิดกั้นที่จำกัดความเป็นไปได้สำหรับธุรกิจ โดยในปี 2021 เราจะเห็นบริษัทต่าง ๆ ใช้แนวทางแบบผสมผสาน

ด้วยระบบคลาวด์แบบไฮบริด บริษัทต่าง ๆ มักจะใช้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นไปที่รูปแบบ “การให้บริการ” เพื่อให้สามารถตรวจสอบและปรับวิธีการใช้ทรัพยากรทางเทคโนโลยีได้ โดยนอกเหนือจากประโยชน์ของรูปแบบการจ่ายเงินตามการใช้งานแล้ว CIO ยังต้องการประสบการณ์ระบบคลาวด์ในองค์กรและต้องการความสามารถในการตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานและการใช้งานผ่านตัวนับขั้นสูง, การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์และการวิเคราะห์ต้นทุน นับจากปี 2021 องค์กรต่าง ๆ จะส่งเสริมความสามารถในการวัดผลเหล่านี้, ความโปร่งใสด้านต้นทุนและและการมีอยู่ของส่วนต่อประสานของผู้ใช้งานแบบคลาวด์ในการบริการ

โอกาสใหม่สำหรับ Channel sector

ในปี 2020 ผู้แทนจำหน่ายสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ปรับองค์กรของตนเองให้เข้ากับความปกติให้ โดยผู้ให้บริการเช่น HPE ได้จัดเตรียมการรับรองการขายเสมือนจริง, การรับรองการเรียนรู้เสมือนจริงและการสาธิตและโอกาสในการเพิ่มขีดความสามารถเพื่อขับเคลื่อนการขายทางไกลต่อไป ซึ่งในปี 2021 ช่องทางของคู่ค้าจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้เพื่อฝึกฝนความเชี่ยวชาญและใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจ

MSP จะยังคงประสบกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกค้าจำนวนมากขึ้นใช้รูปแบบคลาวด์แบบไฮบริด เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะรายใหญ่, ผู้ให้บริการมักจะเสนอความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับข้อมูลเฉพาะของธุรกิจและการกำกับดูแลในท้องถิ่น (โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีปัญหาเรื่องอำนาจอธิปไตยของข้อมูล) ซึ่งในหลาย ๆ กรณีนั้น MSP ยังให้ประสบการณ์ลูกค้าที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น

เราคาดว่ากลุ่ม SME และตลาดระดับกลางจะได้รับความสำคัญสำหรับผู้จัดจำหน่ายเทคโนโลยีในช่วงปี 2021 โดย SME จะหันมาสนใจลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศมากขึ้นเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล, ใช้ประโยชน์จากข้อมูลและปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงาน โดยสิ่งนี้จะทำให้มีการแข่งขันมากขึ้นและช่วยให้พวกเขาฟื้นตัวจากการผลกระทบการแพร่ระบาด ซึ่ง SME จำนวนมากยังต้องการเทคโนโลยีเฉพาะและการแก้ไขอย่างรวดเร็วสำหรับโครงสร้างพื้นฐานในต้นปี 2020 เพื่อปรับตัวให้เข้ากับความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปตามการระบาดของ COVID-19 โดยในปี 2021 พวกเขาจะประเมินโซลูชันที่จำเป็นสำหรับโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวอีกครั้ง

(0)(0)