Covering Disruptive Technology Powering Business in The Digital Age

Inter-American Development Bank และห้องปฏิบัติการนวัตกรรมในเครืออย่าง IDB Lab จับมือกับ Cambridge Quantum (CQ) และ Tecnológico de Monterrey ในการระบุและแก้ไขภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นต่อเครือข่ายบล็อกเชนอันเป็นผลจากความก้าวหน้าของควอนตัมคอมพิวเตอร์ และเพื่อรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ ทางทีมโปรเจกต์ได้พัฒนาเลเยอร์การเข้ารหัสขึ้น ซึ่งช่วยให้เครือข่ายบล็อกเชนป้องกันตนเองจากเทคโนโลยีประมวลผลยุคใหม่นี้ได้

ภัยคุกคามเครือข่ายบล็อกเชนที่พบนั้นแยกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน รวมถึงการสื่อสารระหว่างโหนดเครือข่ายและบูรณภาพของรายการธุรกรรมที่มีการลงนามทางดิจิทัล ภัยคุกคามแต่ละส่วนนั้นจำเป็นต้องอาศัยการเข้ารหัสและกุญแจต่าง ๆ ซึ่งเสี่ยงที่จะถูกควอนตัมคอมพิวเตอร์โจมตี และจำเป็นต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อรับรองความมั่นคงปลอดภัยและบูรณภาพของเครือข่ายบล็อกเชน

เพื่อรับมือภัยคุกคามเหล่านี้ เลเยอร์การเข้ารหัสแบบ post-quantum ที่ช่วยปกป้องเครือข่ายและให้ความทนทานต่อการถูกควอนตัมคอมพิวเตอร์โจมตี ได้มีการพัฒนาขึ้นบนเครือข่ายบล็อกเชน LACChain Besu โดยใช้เทคโนโลยี Ethereum เลเยอร์ดังกล่าวทำหน้าที่ป้องกันรายการธุรกรรมและการสื่อสารต่าง ๆ ด้วยกุญแจแบบ quantum-proof จากแพลตฟอร์ม IronBridge ของ CQ ซึ่งใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ในการสร้างเอนโทรปีที่ได้รับการรับรองแล้ว

Salvador E. Venegas-Andraca ศาสตราจารย์ นักวิจัย และผู้อำนวยการ Quantum Information Processing Group ของ Tecnológico de Monterrey กล่าวว่า “แม้อัลกอริทึมควอนตัมบางอย่างเปิดช่องทางให้โปรโตคอลความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลถูกคุกคามได้ แต่โชคดีที่เรามีสิ่งอื่น ๆ ที่เราใช้เสริมแกร่งศักยภาพในการปกป้องข้อมูลของเราได้เช่นกัน“

Duncan Jones หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ด้านควอนตัมจาก CQ กล่าวย้ำว่า “บล็อกเชน LACChain เป็นเป้าหมายอันสมบูรณ์แบบสำหรับกุญแจที่แพลตฟอร์ม IronBridge ของเราสร้างขึ้น โดยกุญแจที่ทนทานต่อภัยคุกคามจากควอนตัมคอมพิวติ้งนั้นต้องเป็นกุญแจที่สร้างขึ้นจากเอนโทรปีควอนตัมที่ได้รับการรับรองแล้วเท่านั้น“

Irene Arias Hofman ซีอีโอของ BID Lab กล่าวว่า “ในยุคดิจิทัลที่เราอยู่นั้น เรามีโอกาสใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีขีดความสามารถในการแก้ไขปัญหาทางสังคมต่าง ๆ และเราสร้างผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ได้ตามระดับการผสมผสานเทคโนโลยีเหล่านี้ โดยในกรณีนี้ ความรู้ของ IDB ประกอบกับ CQ และ TEC ทั้งในเรื่องเทคโนโลยีควอนตัมและบล็อกเชน เปิดโอกาสให้บรรลุหมุดหมายสำคัญในระดับพื้นฐานได้ เพื่อรับรองบูรณภาพในอนาคตของ LACChain ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ทาง IDB Lab ได้พัฒนาขึ้น และมีหน่วยงานกว่า 50 รายในภูมิภาคใช้งานแล้ว“

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อ่านข้อมูลทางเทคนิคเกี่ยวกับความก้าวหน้าครั้งนี้ได้ที่ https://arxiv.org/abs/2106.06640

(0)(0)